วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ครั้งที่่9

บันทึกอนุทินครั้งที่ 9

วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
( Science Experiences Management for Early Childhood )
อาจารย์ผู้สอน อ.จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 13/10/58
เรียนครั้งที่ 9 เวลาเรียน 13:30 - 17:30
กลุ่ม 102 วันอังคาร ห้อง 223


Knowledge

  • นำเสนองานวิจัย
เลขที่ 5 เรื่อง การจัดกิจกรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
เลขที่ 6 เรื่อง การคิดเชิงเหตุผลของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์

  • นำเสนอโทรทัศน์ครู
เลขที่ 7 เรื่อง แรงตึงผิว
เลขที่ 8 เรื่อง สอนเด็กอย่างไรให้มีจิตวิทยาศาสตร์
เลขที่ 9 เรื่อง จุดประกายนักวิทยาศาสตร์

  • นำเสนอของเล่นของเพื่อนที่เหลือ
- กลองแขก (เรื่องเสียง)
- คานหนังสติ๊ก (เรื่องพลังงาน)
- ปี่กระป๋อง (เรื่องเสียง)




สาระที่เด็กควรเรียนรู้

(1) เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เด็กควรรู้จักชื่อ นามสกุล รูปร่าง หน้าตาของตน รู้จักอวัยวะต่างๆ และวิธีระวังรักษาร่างกายให้สะอาด ปลอดภัย มีสุขอนามัยที่ดี เรียนรู้ที่จะเล่นและ ทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองคนเดียวหรือกับผู้อื่น ตลอดจนเรียนรู้ที่จะแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และแสดงมารยาทที่ดี

(2) เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก   เด็กควรได้มีโอกาสรู้จักและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน รวมทั้งบุคคลต่างๆที่เด็กต้องเกี่ยวข้อง หรือมีโอกาสใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน

3) ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์ รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของโลกที่แวดล้อมเด็กตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล  กลางวัน  กลางคืน  ฯลฯ 

4) สิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะและการสื่อสารต่างๆ ที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันของเด็ก

กิจกรรม

    ให้แบ่งนักศึกษาออกเป็น4กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน และให้เลือกเนื้อหาที่จะสอนเด็ก 
ที่อยู่ในสาระที่เด็กควรเรียนรู้ และทำเป็น mind mapping


                  กลุ่มของพวกเราได้เรื่อง สิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก
                        สอนเรื่อง "ยานพาหนะ"



เรื่อง ยานพาหนะ แบ่งเป็น 4 หัวข้อ ได้แก่
1.ประเภท
  • บก = รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถจักรยาน
  • น้ำ = เรือ
  • อากาศ = เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์
2.ลักษณะ
  • บก = เครื่องยนต์ ล้อ
  • น้ำ = โครงเรือเหล็ก ใบพัด
  • อากาศ = ปีก ล้อ
3.การดูแลรักษา
  • ล้างทำความสะอาด
  • เช็คลมยาง/เช็คสภาพเครื่อง
  • เติมน้ำมัน/แก็ส/น้ำ
  • ชาร์ตแบตเตอร์รี่
  • ซ่อมแซม
4.ประโยชน์/ข้อพึงระวัง
  4.1 ประโยชน์
  • อำนวยความสะดวกในการเดินทาง
  • ขนส่งสิ้นค้า/ส่งของ
  4.2 ข้อควรระวัง
  • รัดเข็มขัดนิรภัย
  • สวมหมวกกันน็อค
  • ใส่เสื้อชูชีพ
  • ไม่ประมาท   

        หลังจากทำ mind mapping เสร็จเรียบร้อย อาจารย์ก็สั่งให้ทำของเล่นเกี่ยวกับ
ยานพาหนะ 3 ชิ้น มีหัวข้อ ดังนี้
  1. ของเล่นที่เด็กสามารถทำเองได้
  2. ของเล่นเข้ามุมประสบการณ์
  3. ของเล่นที่ทำการทดลอง




Technical Education
  • การใช้ความคิดรวบยอด
  • การสรุปความรู้

Skill
  • การคิดวิเคราะห์
  • การทำงานเป็นกลุ่ม
  • การนำเสนอผลงาน
  • ความคิดรวบยอด

Adoption


     นำความรู้ที่ได้ไปจัดการเรียนการสอนให้เด็กอย่างเหมาะสม โดยเริ่มจากเรื่องใกล้ตัว ไปจนถึงเรื่องไกลตัว เริ่มจากง่ายไปยาก สอนอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อความเข้าใจและการเรียนรู้ของเด็ก

Evaluation

Self = เข้าเรียนตรงต่อเวลา การแต่งตัวเรียบร้อย ตั้งใจทำงานที่อาจารย์สั่ง
Friends = เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็จะตั้งใจฟังที่อาจารย์สั่งงานและอธิบายต่างๆ

Teacher = อาจารย์จะสอนและคอยอธิบายให้นักศึกษาฟังอย่างละเอียดเสมอ
และคอยกระตุ้นให้             นักศึกษาฝึกการคิดโดยการคอยถามเพื่อให้นักศึกษาได้คิดหาคำตอบนั้นเอง 

ครั้งที่8

บันทึกอนุทินครั้งที่ 8

วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
( Science Experiences Management for Early Childhood )
อาจารย์ผู้สอน อ.จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 06/10/58
เรียนครั้งที่ 8 เวลาเรียน 13:30 - 17:30
กลุ่ม 102 วันอังคาร ห้อง 223

Knowledge

  • นำเสนองานวิจัย


     เลขที่ 4 เรื่อง การศึกษาผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบเด็กนักวิจัยที่มีทักษะต่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย 


  • นำเสนอของวิทยาศาสตร์
ของเล่นวิทยาศาสตร์เรื่อง "แสง"


ชื่อของเล่นคือ "ลูกข่างแผ่นซีดี"



วัสดุอุปกรณ์




  1. แผ่นซีดี
  2. ลูกปิงปอง
  3. ฝาขวดน้ำ
  4. กาว



วิธีทำ

 1. นำแผ่นซีดี ด้านสีเงิน เงาๆ มาติดกาวตรงกลางและนำฝาขวดมาแปะไว้ตรงกลางที่ทากาว และรอให้กาวแห้ง


2.หลังจากนั้นก็พลิกแผ่นซีดี อีกข้างหนึ่ง และนำลูกปิงปองมาติดกาวตรงกลางลูกและนำไปแปะติดกับตรงกลางแผ่นซีดี และรอให้กาวแห้ง


3. เราก็จะได้ลูกข่างแผ่นซีดี จากนั้นเราก็นำลูกข่างแผ่นซีดีมาหมุนบนพื้น




วิธีเล่น/หลักการวิทยาศาสตร์
            นำลูกข่างแผ่นซีดี มาหมุนบนพื้นที่เรียบ การเล่นลูกข่างแผ่นซีดีจะสอนทักษะวิทยาศาสตร์ เรื่อง " การเกิดแสงและการสะท้อนของแสง " ซึ่งแสงที่เกิดขึ้น มาจากแสงที่มากระทบกับวัตถุ (แผ่นซีดี) อาจจะมีทั้งเป็นแสงจากดวงอาทิตย์หรือแสงจากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา เช่น แสงจากหลอดไฟ แสงจากไฟฉาย แสงจากโทรศัพท์ แสงเทียน เป็นต้น เมื่อแสงมากระทบกับวัตถุ (แผ่นซีดี) ก็จะทำให้แสงที่สะท้อนจากแผ่นซีดีเกิดเป็นแสงสีรุ้ง


สรุป

   การที่เด็กจะเรียนรู้ได้ดีก็คือ การที่เด็กได้ลงมือกระทำด้วยตนเองโดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง5 การทำของเล่นจึงทำให้เด็กได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย และยังสอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ของเด็กอีกกด้วย และถ้าของเล่นที่ทำได้ง่ายๆ เด็กๆก็ยังได้ทำด้วยตัวของเขาเอง โดยที่ครูเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์และร่วมทำไปกับเด็กด้วย 





Technical Education
  • สอนการนำเสนองาน
  • การใช้คำถาม
  • นำภาพโดยรมมาสรุป

Skill
  • การคิดวิเคราะห์
  • การตอบคำถาม
  • การนำเสนอผลงาน
  • ความคิดรวบยอด

Adoption


       นำความรู้เกี่ยวกับของเล่นที่สอนเรื่องวิทยาศาตร์ไปสอน ให้เด็กได้ฝึกทำของเล่นโดยการให้เด็กได้มีส่วนร่วมและการได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง เด็กๆก็จะได้พบวิธีการเรียนรู้ของตนเองด้วย


Evaluation

Self = เข้าเรียนตรงต่อเวลา การแต่งตัวเรียบร้อย ตั้งใจนำเสนองานเพื่อให้เพื่อนได้รับความรู้ และ        นำไปใช้ได้

Friends = เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็จะตั้งใจฟังที่พวกเรานำเสนอ และช่วยกันตอบคำถาม

Teacher = อาจารย์จะสอนและคอยอธิบายให้นักศึกษาฟังอย่างละเอียดเสมอ
และคอยกระตุ้นให้             นักศึกษาฝึกการคิดโดยการคอยถามเพื่อให้นักศึกษาได้คิดหาคำตอบนั้นเอง และอาจารย์           ก็ยังเสริมความรู้ในเรื่องต่างๆให้ด้วย

คร้งที่7

บันทึกอนุทินครั้งที่ 7

วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
( Science Experiences Management for Early Childhood )
อาจารย์ผู้สอน อ.จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 29/09/58
เรียนครั้งที่ 7 เวลาเรียน 13:30 - 17:30
กลุ่ม 102 วันอังคาร ห้อง 223



ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นสัปดาห์ของการสอบ midterm

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ครั้งที่6

บันทึกอนุทินครั้งที่ 6

วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
( Science Experiences Management for Early Childhood )
อาจารย์ผู้สอน อ.จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 22/09/58
เรียนครั้งที่ 6 เวลาเรียน 13:30 - 17:30
กลุ่ม 102 วันอังคาร ห้อง 223

Knowledge


  • กิจกรรมการเสนองานคู่
กลุ่มของพวกเราได้งานคู่ เสนอ เรื่องพืช


ขอบข่ายการเรียนรู้เรื่องพืช
ทักษะการจำแนกประเภท

             การจำแนกประเภท (Classifying) หมายถึง ความสามารถในการแบ่งประเภทสิ่งของโดยหาเกณฑ์ (Criteria) หรือสร้างเกณฑ์ในการแบ่งขึ้น เกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกประเภทของสิ่งของมีอยู่ 3 อย่าง คือ ความเหมือน (Similarities) ความแตกต่าง (Differences) และความสัมพันธ์ร่วม (Interrelationships) ซึ่งแล้วแต่เด็กจะเลือกใช้เกณฑ์อันไหน นอกจากนี้ ประภาพรรณ สุวรรณสุข (2527:37) ได้ให้ความหมายของการจำแนกประเภทว่า หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายจัดสิ่งต่าง ๆ ให้เข้าอยู่ในประเภทเดียวกัน ซึ่งการจัดประเภทนี้อาจทำได้หลายวิธี เช่น แยกประเภทตามตัวอักษร ตามลักษณะ รูปร่าง แสง สี เสียง ขนาด ประโยชน์ในการใช้ เป็นต้น

ตัวอย่างการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะการจำแนกประเภท

การแยกประเภทเมล็ดพืช

แนวคิด

เมล็ดพืชมีความแตกต่างกันในด้านขนาดรูปร่าง สี และความหยาบละเอียดของผิวนอกเมล็ด

วัตถุประสงค์

หลังจากที่ได้ทำกิจกรรมนี้แล้วเด็กสามารถ
1. แยกประเภทของเมล็ดพืชได้อย่างน้อย 2 ลักษณะ
2. เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับความแตกต่างกันของเมล็ดพืชในด้านขนาด รูปร่าง สี และความหยาบละเอียดของผิวนอกเมล็ด

วัสดุอุปกรณ์

1. เมล็ดพืชชนิดและขนาดที่แตกต่างกันในด้านขนาด รูปร่าง สี และความหมาย ละเอียด เช่น เมล็ด ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ข้าวเปลือก น้อยหน่า มะละกอ ชมพู่ ฝรั่ง มะขาม ฯลฯ
2. ถาด หรือฝากล่องกระดาษสำหรับแยกเซตของเมล็ดพืช
3. ภาชนะสำหรับใส่เมล็ดพืช (อาจจะใช้ถ้วยพลาสติก ชาม กระทง หรือขันก็ได้)

กิจกรรม

1. จัดเมล็ดพืชทุกประเภทที่สามารถหามาได้โดยผสมกันแล้วแบ่งใส่ภาชนะเพื่อแจกให้กับเด็กทุกคนโดยครูยังไม่ต้องให้คำแนะนำใด ๆ ทั้งนั้น ปล่อยให้เด็กเล่นกับเมล็ดพืชตามลำพัง

2. หลังจากนั้นสักครูหนึ่งบอกให้เด็กแยกประเภทของเมล็ด ขณะที่เด็กทำกิจกรรมอยู่ครูเดินดูรอบ ๆ และอภิปรายกับเด็กแต่ละคนว่าแยกประเภทของเมล็ดพืชได้อย่างไร หรือเพราะเหตุใดเขาจึงแยกในลักษณะนั้น

3. ส่งเสริมให้เด็กแยกประเภทของเมล็ดพืชในลักษณะใหม่ที่ไม่ให้ซ้ำกับแบบเดิมที่เขาได้ทำไว้ครั้งแรก โดยถูกต้อง ไม่แนะนำใด ๆ ทั้งสิ้น

4. อภิปรายเกี่ยววับวิธีการที่เด็กแต่ละคนแยกประเภท โดยอาจจะให้เด็กเดินดูของ เพื่อนคนอื่น ๆ ว่าเขาทำกันอย่างไร หลังจากนั้นครูควรตั้งคำถามเด็กว่า
“ทำไมจึงใส่เมล็ดพืชเหล่านั้นรวมอยู่ในกองเดียวกัน”
“ นักเรียนว่ามีวิธีการอื่นอีกไหมที่จะจัดเมล็ดพืชมาอยู่กองเดียวกัน”
“นักเรียนสามารถจะเอาเมล็ดพืชที่ครูแจกให้นั้นมาแยกเป็น 2 กลุ่มได้ไหม”

ข้อเสนอแนะ

1. กิจกรรมนี้จะได้ผลดีควรจะต้องหาเมล็ดพืชหลายประเภทและหลายขนาด
2. เมล็ดพืชนี้ครูอาจให้เด็กช่วยกันนำมาและสะสมไว้ เพราะอาจจะเก็บไว้ใช้ได้อีก ในหลาย ๆ 
กิจกรรม



Technical Education
  • เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
  • การใช้คำถาม

Skill
  • การคิดวิเคราะห์
  • การตอบคำถาม
  • การนำเสนอผลงาน
  • ความคิดรวบยอด

Adoption


    นำการสอนที่เพื่อนๆ นำเสนอไปใช้ในการเรียนการสอนในเรื่องของวิทยาศาสตร์หน่วยต่างๆ ให้เด็กเห็นภาพและเกิดความเข้าใจไปด้วย

Evaluation

Self = เข้าเรียนตรงต่อเวลา การแต่งตัวเรียบร้อย ตั้งใจนำเสนองานเพื่อให้เพื่อนได้รับความรู้ และ        นำไปใช้

Friends = เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็จะตั้งใจฟังที่พวกเรานำเสนอ และช่วยกันตอบคำถาม

Teacher = อาจารย์จะสอนและคอยอธิบายให้นักศึกษาฟังอย่างละเอียดเสมอ
และคอยกระตุ้นให้             นักศึกษาฝึกการคิดโดยการคอยถามเพื่อให้นักศึกษาได้คิดหาคำตอบนั้นเอง

ครั้งที่5

บันทึกอนุทินครั้งที่ 5

วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
( Science Experiences Management for Early Childhood )
อาจารย์ผู้สอน อ.จินตนา สุขสำราญ
วัน/เดือน/ปี 15/09/58
เรียนครั้งที่ 5 เวลาเรียน 13:30 - 17:30
กลุ่ม 102 วันอังคาร ห้อง 223

Knowledge

      สมองคืออวัยวะสำคัญของมนุษย์เป็นส่วนกลางของระบบประสาททำหน้าที่ควบคุมและ สั่งการเคลื่อนไหว แสดงพฤติกรรม การรับรู้ อารมณ์ ความรู้สึกและรักษาสมดุลย์ในร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด คือนิวรอนและเกลีย มีหน้าที่ดูแลปกป้องเซลล์ประสาทที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลในรูปแบบของสัญญาณ ไฟฟ้า การทำงานของสมองมนุษย์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ สมองส่วนหน้าทำหน้าที่เก็บข้อมูล ควบคุมการทำงานของร่างกาย กล้ามเนื้อ การรับสัมผัส ความจำ เชาวน์ปัญญา และการได้ยิน สมองส่วนกลาง ถูกสั่งการออกมาจากสมองส่วนหน้า ควบคุมการเคลื่อนไหวและการทำงานของประสาทตา และสมองส่วนท้าย ควบคุมการทำงานการเคลื่อนไหวของร่างกาย การทรงตัว และควบคุมการหายใจ การหมุนเวียนของเลือด


สมองแบ่งออกเป็น 2 ซีก
  1. ซีกซ้าย
  2. ซีกขวา





หลักการ/แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาเด็ก
1.กีเซลล์

หลักการ

- พัฒนาการของเด็กเป็นไปอย่างมีแบบแผนและเป็นขั้นตอนเด็กควรพัฒนาไปตามธรรมชาติไม่ควรเร่งหรือบังคับ
- การเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวการใช้ภาษาการปรับตัวเข้าสังคมและบุคคลรอบข้าง

แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก

- โครงสร้างของหลักสูตรยุทธนาการเด็กคุณลักษณะที่พึงประสงค์และประสบการณ์สำคัญ
- ไม่ควรเล่นสอนสิ่งที่ยากเกิน 5 การตามวัยของเด็ก
- จัดกิจกรรมให้เด็กมีโอกาสเคลื่อนไหวกิจกรรมเดียวและกิจกรรมกลุ่ม
- จัดกิจกรรมให้เด็กได้ฟังได้พูดถ้อยคำคล้องจองร้องเพลงและฟังนิทาน

2.ฟรอยด์

หลักการ

- ประสบการณ์ในวัยเด็กส่งผลต่อบุคลิกภาพของคนเราเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่หากเด็กไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเพียงพอจะเกิดอาการชะงักกิจกรรมทดถอยส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก

แนวคิดสู่การปฏิบัติการ

- ครูเป็นแบบอย่างที่ดีทางการแสดงออกท่าทีวาจา
- จัดกิจกรรมเป็นขั้นตอนจากง่ายไปหายากจัดสิ่งแวดล้อมที่บ้านและโรงเรียนเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก

3.อิริคสัน

หลักการ

- ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เด็กพึงพอใจเด็กก็จะประสบผลสำเร็จเด็กจะมองโลกในแง่ดีมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจผู้ใหญ่
- ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีไม่พอใจจะมองโลกในแง่ร้ายขาดความเชื่อมั่นในตนเองและไม่ไว้วางใจผู้อื่น

แนวคิดสู่การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก

- จัดกิจกรรมให้เด็กมีโอกาสประสบผลสำเร็จได้จัดกิจกรรมที่เหมาะกับวัยไม่ยากและมีให้เลือกตามความสามารถและความสนใจของเด็ก
- จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสภาพแวดล้อมครูและเพื่อนเล่นจัดบรรยากาศให้อบอุ่นมีความสบายใจและเด็กได้ทำกิจกรรมร่วมกัน

4.เพียเจต์

หลักการ
- พัฒนาการทางเชาวน์ปัญญาของเด็กเกิดจากการที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมรอบรอบตัวเด็กมีการรับรู้จากสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่เกิดขึ้นตลอดเวลาและมีการปรับขยายประสบการณ์เดิมความคิดและความหมายมากขึ้น
- พัฒนาการของเด็กปฐมวัย 0-6 ปี 
   1. ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหวส่วนถึง 2 ปีเด็กเรียนรู้ทุกอย่างประสาทสัมผัสทุกด้าน 
   2 .ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการวัย 16 ปีเริ่มเรียนภาษาพูดและภาษาท่าทางในการสื่อสารต้นเองเป็นศูนย์กลางคิดหาเหตุผลไม่ได้จัดหมวดหมู่ได้ตามเกณฑ์ของตน

แนวคิดสู่การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก

- จัดกิจกรรมให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 จัดกิจกรรมสำรวจทดลองกิจกรรมประกอบอาหารและทัศนศึกษา
- จัดให้เด็กฝึกฝนทักษะสังเกตจำแนกเปรียบเทียบเช่นการเล่นเกมการศึกษาการเรียนรู้จากสื่อของจริงการสำรวจทดลอง
- จัดให้เด็กได้เรียนรู้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวไปสู่เรื่องไกลตัวเรียนรู้จักหน่วยตามความสนใจและเรียนรู้จากสิ่งที่เป็นรูปธรรมก่อน

5.ดิวอี้

หลักการ

- เด็กเรียนรู้ด้วยการกระทำ
- การพัฒนาสติปัญญาของเด็กจะต้องฝึกให้เด็กคิดแบบวิทยาศาสตร์และมีระบบ

แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก

- จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบผลสำเร็จพึ่งพอใจต่อสภาพแวดล้อมของห้องเรียนเพื่อนและคุณครู
- จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสในห้องเรียนได้สร้างปฏิสัมพันธ์กันกับครูสิ่งแวดล้อมและเพื่อน

6.สกินเนอร์

หลักการ

- ถ้าเด็กได้รับคำชมเชยและประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรมเด็กจะสนใจที่จะทำกิจกรรมต่อไป
- เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างไม่มีใครเหมือนใคร

แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก

- ให้แรงเสริมเช่นชมเชยชื่นชมเมื่อเด็กทำกิจกรรมประสบผลสำเร็จ
- ไม่นำเด็กมาเปรียบเทียบแข่งขันกัน

7.เปสตาลอสซี่

หลักการ

- ความรักเป็นพื้นฐานสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาเด็กทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา
- เด็กแต่ละคนแตกต่างกันทางด้านความสนใจความต้องการและระดับความสามารถในการเรียนเด็กไม่ควรถูกบังคับให้เรียนรู้ด้วยการท่องจำ

แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก

- จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมให้ความรักให้เวลาและให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์

8.เฟรอเบล

หลักการ

- ควรส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กด้วยการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างเสรี

แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก

- จัดกิจกรรมเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างเสรี


9.เอลคายน์

หลักการ

- การเร่งให้เด็กเรียนรู้แต่เล็กเป็นอันตรายต่อเด็ก
- เด็กควรมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง

แนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก

- จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง


ความหมายของวิทยาศาสตร์

    วิทยาศาสตร์หมายถึงการศึกษาสืบค้นและจัดระบบความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติโดยอาศัยกระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ประกอบด้วยวิธีการทักษะกระบวนการและเจตคติวิทยาศาสตร์อย่างมีระบบและแบบแผนมีขอบเขตโดยอาศัยการสังเกตการทดลองเพื่อค้นหาความเป็นจริงและทำให้ได้มาซึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์อันเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน


แนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์

1. การเปลี่ยนแปลง 
2. ความแตกต่าง 
3. การปรับตัว 
4. การพึ่งพาอาศัยกัน 
5. ความสมดุล


การศึกษาวิธีการทางวิทยาศาสตร์ 

1. ขั้นกำหนดปัญหา 
2. ขั้นตั้งค่าสมมติฐาน 
3. ขั้นรวบรวมข้อมูลฟรีค่าลงข้อสรุป


เจตคติทางวิทยาศาสตร์

1. ความอยากรู้อยากเห็น 
2. ความเพียรพยายาม 
3. ความมีเหตุผล 
4. ความซื่อสัตย์ 
5. ความมีระเบียบและความรอบคอบ 
6. ความใจกว้าง


การเรียนรู้อย่างมีความสุข 

1. การเรียนรู้จักการคิดและปฏิบัติจริง 
2. การเรียนรู้แบบองค์รวมที่ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน

   การเรียนรู้จักการคิดและปฏิบัติจริง การเรียนรู้จักการคิดและปฏิบัติจริงเรียนรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 พัฒนาทักษะการสังเกตการเปรียบเทียบการจำแนกการสรุปความคิดรวบยอดการแก้ปัญหาการคิดสร้างสรรค์กิจกรรมโครงการกิจกรรมประจำวันการเล่นกิจกรรมการทดลองกิจกรรมการศึกษานอกสถานที่กิจวัตรประจำวัน

   การเรียนรู้แบบองค์รวมกิจกรรมที่จัดขึ้นแล้วสอดคล้องกับประสบการณ์ที่ได้รับครูผู้สอนหรือผู้ดูแลเด็กควรหลอมรวมหรือเชื่อมโยงความรู้และประสบการณ์ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้านทางร่างกายอารมณ์จิตใจสังคมและสติปัญญาประสบการณ์ต่างๆสัมพันธ์กันในลักษณะของการบูรณาการ


Technical Education
  • เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
  • การใช้คำถาม

Skill
  • การคิดวิเคราะห์
  • การตอบคำถาม
  • ความคิดรวบยอด

Adoption

    นำความรู้เรื่องหลักการและแนวคิดสู่การปฏิบัติพัฒนาการเด็ก ไปจัดการเรียนการสอนและการทำกิจกรรมให้เมาะสมกับพัฒนาการของเด็กแต่ละคน


Evaluation

Self = เข้าเรียนตรงต่อเวลา การแต่งตัวเรียบร้อย ตั้งใจทำงานตามคำสั่งของอาจารย์ ตั้งใจฟังและ        สรุปเป็นความคิดรวบยอด

Friends = เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็จะตั้งใจฟังอาจารย์ดี ตั้งใจตอบคำถามเวลาอาจารย์สอน
 

Teacher = อาจารย์จะสอนและคอยอธิบายให้นักศึกษาฟังอย่างละเอียดเสมอ
และคอยกระตุ้นให้             นักศึกษาฝึกการคิด และมีการยกตัวอย่างประกอบ